Cute Ghost

ตัววิ่ง

ยินดีต้อนรับค่ะ :)

ของตก

[bbzSpace Falling Objects]

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


Should have + V3/ Should’ve + V3

เรื่องนี้ อยากให้ใช้ความรู้สึกในการทำความเข้าใจหน่อยนะ…เป็นภาษาที่สวยมาก
ถ้าพูดว่า I should have done แปลว่า ฉันควรจะทำมันไปแล้ว (แต่จริงๆ ไม่ได้ทำ)
หรือ I should have told you แปลว่า ฉันควรจะบอกคุณไปแล้ว (แต่จริงๆ ไม่ได้บอก)
พอดีเจอเพลงของ Taylor Swift ก็อดใจไม่ได้ที่ต้องมาสอน จากเนื้อเพลงข้างล่างก็จะมี หลายๆ ประโยค เช่น
You should’ve said no หรือ You should have said no แปลว่า คุณควรจะตอบปฏิเสธไป (แต่จริงๆ ตอบตกลง)
You should’ve gone home หรือ You should have gone home แปลว่า คุณควรจะกลับบ้านไปแล้ว (แต่จริงๆ ไม่ได้กลับไป)
You should’ve thought twice หรือ You should have thought twice แปลว่า คุณควรจะคิดอีกรอบนึง (แต่จริงๆ คิดแค่รอบเดียว)
You should’ve known that word หรือ You should have known that word แปลว่า คุณควรจะรู้จักคำๆ นั้น(แต่จริงๆ ณ ตอนนั้น ไม่รู้จัก)
I should’ve been there หรือ I should have been there แปลว่า ฉันควรจะอยู่ที่นั้น (แต่จริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่นั้น)    อ่านเพิ่มเติม

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Past Perfect Tense


1 ประโยค Past Perfect Tense เชิงบอกเล่า

โครงสร้าง : Subject + had + verb 3

( ประธาน + had + กริยาช่อง 3 )

ตัวอย่าง : 1. He had gone. ( เขาได้ไปแล้ว )

2. She had studied Thai. ( หล่อนได้เรียนภาษาไทย )

2 ประโยค Past Perfect Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้

โครงสร้าง : Subject + had + not + Verb 3

( ประธาน + had + not + กริยาช่อง 3 )

ตัวอย่าง : 1. He had not (hadn’t ) gone. ( เขายังไม่ได้ไป )

2. She had not studied Thai. ( หล่อนยังไม่ได้เรียนภาษาไทย )

3 ประโยค Past Perfect Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงคำถามให้นำ Verb to have มาวางไว้หน้าประโยคและตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้

โครงสร้าง : Had + Subject + Verb 3 ?

(Had + ประธาน + กริยาช่อง 3 ? )

ตัวอย่าง : 1. Had he gone ? ( เขาได้ไปแล้วใช่หรือไม่ )

-Yes, he had. ( ใช่เขาได้ไปแล้ว )

-No, he hadn’t. ( ไม่เขายังไม่ได้ไป )

2. Had she studied Thai ? ( หล่อนได้เรียนภาษาไทยแล้วใช่หรือไม่ )

- Yes, she had. ( ใช่หล่อนได้เรียนแล้ว )

- No, she hadn’t. ( ไม่ หล่อนยังไม่ได้เรียน )
 
If Clause (Conditional Sentence)หรือ ประโยคเงื่อนไขนั้น มี 0 1 2 3 แบบ
 
 
 
แบบที่ 0 เป็นความจริง
....................................................................................................
แบบที่ 1 เป็นไปได้ (ปัจจุบัน)
แบบที่ 2 เป็นไปไม่ได้ (ปัจจุบัน)
แบบที่ 3 เกิดขึ้นแล้วในอดีต กลับไปแก้ไขไม่ได้ แล้วมาเสียใจภายหลัง
เห็นไหมคะ แบบที่ 0 โดนแยกออกจากเพื่อน เพราะมันไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะมันเป็นความจริง
เห็นไหมคะ Grammarman ก็มีเหตุผล มีหลักการเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
แค่รู้ว่ามีกี่แบบยังไม่เพียงพอค่ะ เราจำเป็นต้องรู้โครงสร้างด้วย
ง่ายนิดๆ แบบจิ๊บๆ
0: If S V1 , S V1.
.....................................................................................................
1: If S V1 , S will/shall V.infi
2: If S V2 , S would/should V.infi
3: If S had V3 , S would/should have V3
ดูแล้วรู้สึกจะเริ่มเหมือนสูตรคณิตศาสตร์ - -''
ในประโยคเงื่อนไง มักมีคำว่า ถ้า = if เสมอนะคะ
S = ประธาน
V1 = กริยาช่อง 1 V2 = กริยาช่อง 2 V3 = กริยาช่อง 3
Vinfi = Verb Infinitive กริยาช่อง 1 แบบไม่ผัน ไม่เติม s ไม่เติม ed ค๊าฟ (เรียกยากๆมันคือ Base Form of Verb)
เมื่อรู้สูตรแล้ว ก็ต้องจับสูตรมาประยุกต์ให้เหมือนคณิตศาสตร์กันหน่อย ดูซิว่า คณิตกับอังกฤษ สิ่งไหนจะยากกว่ากัน อาโฮะๆ
เรามาลองเริ่มต้นกับแบบที่ 0 กันดีกว่า เป็นความจริง หรือว่าจะทางวิทยาศาสตร์ หรือ เป็นจริงในชีวิตประจำวัน ยังไงมันก็จริง ไม่มีสิ่งไหนมาหักล้างได้ ก็จับมาไว้ในสูตรคูณแม่ 0 ของเราเลย
สูตรมา >>> If S V1 , S V1
แล้วก็ลองแ่ต่งประโยคดู อะไรน๊า เป็นความจริง แต่งว่าไงดี เอาไงๆ
อ้อ คิดได้แล้ว เอาง่ายๆ ประโยคหากินๆ
ถ้าอุณหภูมิ 100 องศา น้ำจะเดือด >>> If it reaches 100o C, water boils.
เราสามารถย้าย if มาไว้กลางประโยคได้ แต่ต้องตัด comma (,) ทิ้ง
Water boils if it reaches 100o C.
แบบนี้ไง พอเข้าใจกันไหมเอ่ย
สังเกตุไหมคะ ในประโยคที่ว่า น้ำจะเดือด แต่ทำไมไม่แต่งว่า ...., water will boils. คุณ Grammarman แปลผิดรึเปล่า ใช้ไม่ได้เลย ทุกคนลองกลับไปดูสูตรของเรา ในแบบที่ 0 แบบความเป็นจริง และน้ำก็เดือด 100 องศา คือความเป็นจริงใช่ไหมคะ ในสูตรมี will ไหมเอ่ย ไม่มี๊ไม่มี เพราะฉะนั้น ให้ Grammarman ถูกไปได้เลย 1 แต้ม เย้ๆๆ

เย้ๆ
แบบที่ 1: เป็นไปได้ในปัจจุบัน หรือ เป็นจริงในปัจจุบัน
ขอสูตร >>> If S V1 , S will/shall V.infi สังเกตุไหมคะ แบบ 0 ไม่มี will แต่ แบบ 1 มี will
ตัวอย่าง If it rains, we will close the windows. ถ้าฝนตกเราจะปิดหน้าต่าง
ประโยคนี้ผู้พูดก็หมายความตามที่บอก แสดงให้เห็นว่า ถ้าฝนตกพวกเขาจะปิดหน้าต่างจริงๆ (โอ้ เป็นไปได้ๆ)
If I study hard, I will pass. ถ้าฉันตั้งใจเรียน ฉันจะสอบผ่าน (เป็นไปได้นะเนี่ย)
ขอเสนอประโยคที่ Grammarman ชอบพูดบ่อยๆๆ
If you study hard and practice a lot, you will be successful in learning English.
ถ้าคุณขยันเรียนและหมั่นฝึกฝนบ่อยๆก็จะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ
แบบที่ 2: เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน หรือ ทำยังไงให้ตายก็ไม่จริง
ดูสูตรก่อนนะ >>> If S V2 , S would/should V.infi
ตัวอย่าง If I were you, I would break up with him. ถ้าผมเป็นคุณผมจะเลิกกับเขา
เรามาลองวิเคราะห์ประโยคนี้กัน ถ้าผมเป็นคุณ ในความเป็นจริงแล้ว เราจะสามารถเป็นคืนอื่นไ้ด้ไหม จะเป็นไปได้ยังไง
เพราะฉะนั้นประโยคนี้ก็เลยไม่จริง มันเหมือนเป็นการสมมติ ถ้าหากผมเป็นคุณอ่ะนะ ผมจะเลิกเลย แต่ความเป็นจริง ผมก็เป็นคุณไม่ได้หรอก (ถ้าคุณกับเขาเลิกกัน ผมจะจีบคุณต่อ ยุเพราะมีจุดประสงค์ครับ ฮ่าๆๆ จำประโยคนี้ให้ดีนะครับ จะได้เอาไปใช้จีบสาวต่อ กร้ากๆๆ)
If I were rich, I'd buy many cars. ถ้าฉันรวย ฉันจะซื้อรถหลายๆคันเลย (คอยดู)
I'd buy ย่อมาจาก I would buy
จำประโยคเพลงคุณลำไยได้ไหมคะ "ถ้าฉันรวย ฉันจะสวยให้ดู" จะแต่งว่าไงดีนะ ลองไปแต่งเล่นกันดูค่ะ อิิอิ
เพิ่มเติมนิดหน่อย ปกติแล้ว I ต้องมากับ was ใช่ไหมคะ แต่ถ้าประโยคไหนไม่เป็นจริง was จะต้องกลายเป็น were ค่ะ เพื่อระบุว่า มันไม่จริง งือๆๆ (แล้วตอนไหนจะได้รถเนี่ีย ใฝ่ฝันๆ หลายๆคันว่างั้น)
ที่สำคัญเลยนะที่สำคัญ แบบที่ 2 เป็น past เพียงแต่ในสูตรเท่านั้น แต่ความหมายเป็นปัจจุบันนะจ๊ะ
แบบที่ 3: เกิดขึ้นแล้วในอดีต กลับไปแก้ไขไม่ได้ แล้วมาเสียใจภายหลัง (ชัดเจน)
สูตร >>> If S had V3 , S would/should have V3
If I had studied hard those days, I would have been rich.
ถ้าฉันตั้งใจเรียนตั้งแต่ตอนนั้น ฉันคงต้องรวยแล้ววันนี้
ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจเรียนเลย แล้วก็มาบ่นๆว่าเสียดายๆ น่าจะตั้งใจซะตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็เลยไม่รวยเลย เศร้า เสียใจ (ใส่ feeling ซะเต็มที่)